

รวมอัปเดตใหม่ในงาน Dell Technologies Forum 2019
รวมอัปเดตใหม่ในงาน Dell Technologies Forum 2019 เมื่อเทคโนโลยีกกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์
Dell Technologies จัดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี Dell Technologies Forum 2019 ภายใต้ธีม Real Transformation พร้อมอัปเดตเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อสนับสนุนการพลิกโฉมธุรกิจของทุกอุตสาหกรรมสู่ยุคดิจิทัล รวมไปถึงแนะนำโซลูชันใหม่จาก Dell Technologies ซึ่งช่วยให้ทุกองค์กรสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมั่นใจ สามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้
Gartner และ IDC ยก Dell Technologies เป็นผู้ในด้าน Server/Storage, Virtualization, Cloud และ Security
คุณอโนทัย เวทยากร รองประธานของ Dell EMC ได้ออกมาอัปเดตตลาด IT ล่าสุด โดยยกรายงานจาก Gartner และ IDC ล่าสุดมา ระบุว่า ปัจจุบันนี้ Dell Technologies ยังคงเป็นครองตำแหน่งผู้นำในตลาด IT อย่างเหนียวแน่น โดยถูกจัดอันดับเป็น Leader บน Magic Quadrant ของ Gartner ถึง 11 รายการ ในขณะที่ IDC ยกให้ Dell Technologies เป็นอันดับ 1 ด้าน Storage, Client, Servers และ Virtualization
ในการย่างเข้าสู่ปี 2020 นี้ Dell Technologies จะโฟกัสที่การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพลิกโฉมการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาในสังคมที่มีความยุ่งยากและซับซ้อน ที่สำคัญคือ Dell Technologies ยึดหลักความเป็นส่วนบุคคล (Privacy) ในการช่วยผลักดันลูกค้าไปข้างหน้าเพื่อทำ Digital Transformation นอกจากนี้ Dell Technologies ยังตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและได้ออกโปรแกรมเพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมากมาย เช่น การใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เป็นต้น
5 Emerging Technologies ที่จะมาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราในปี 2030
Pang Yee Beng, Senior Vice-president, Sales, South Asia ของ Dell Technologies ระบุว่า เทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยผลักดันการพัฒนาของมนุษยชาติ คาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าเทคโนโลยีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างแท้จริง โดย 5G, Internet of Things (IoT) และ AI จะเป็นเทคโนโลยีบุกเบิกไปยังจุดนั้น ดังที่เราได้เริ่มเห็นกันแล้วในปัจจุบัน เช่น ตู้เย็นอัจฉริยะสามารถสั่งซื้อของออนไลน์ได้โดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าของกำลังจะหมด, ระบบ IoT ในอุตสาหกรรมการผลิตสามารถตรวจสอบสายการผลิตได้ด้วยตนเองและผลิตสิ่งของให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ณ ขณะนั้น หรือสนามบิน Shangi ใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในการให้บริการนักท่องเที่ยวหรือผู้ใช้บริการสนามบิน เป็นต้น เหล่านี้ต้องขอบคุณเทคโนโลยี IoT, Data Analytics และ AI ที่เข้ามาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ
Pang Yee Beng ยังได้กล่าวถึงเทคโนโลยียุคใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงบริบทหรือปฏิรูปรูปแบบของการดำรงชีวิตของเราในปี 2030 รวม 5 รายการ ดังนี้
- Networked Reality
Networked Reality หรือเครือข่ายของระบบเสมือนจริง กล่าวคือ ในอีก 10 ปีข้างหน้า โลกเสมือนจริง (Virtual Reality) หรือโลกไซเบอร์ (Cyberspace) จะซ้อนทับกันกับโลกแห่งความเป็นจริงที่มนุษย์อาศัยอยู่ โดยมีสาเหตุมาจากการที่สภาพแวดล้อมดิจิทัลขยายออกไปเกินกว่าโทรทัศน์ สมาร์ตโฟน หรืออุปกรณ์ในการแสดงผลอื่นๆ ทำให้มนุษย์สามารถก้าวข้ามไปมาในแต่ละโลกได้อย่างอิสระและไร้รอยต่อ - Connected Mobility and Networked Matter
ยานยนต์จะเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน และเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย อาจกล่าวได้ว่าในอนาคตยานยนต์จะกลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่เคลื่อนที่ได้ และมีความชาญฉลาด มนุษย์สามารถวางใจให้ยานยนต์เหล่านี้พาไปส่งถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องกังวลว่าจะชนอะไร เพราะยานยนต์สามารถสื่อสารและทราบตำแหน่งของกันทั้งหมด รวมไปถึงสามารถรู้ได้ด้วยตนเองว่าเมื่อไหร่จะต้องเข้าศูนย์เพื่อตรวจสภาพ
- From Digital Cities to Sentient Cities
เมืองดิจิทัลในปัจจุบันจะพัฒนาสู่เมืองที่รับรู้ความรู้สึกได้ โดยอาศัย Smart Objects และอุปกรณ์ IoT รวมไปถึงมีระบบรายงานผลด้วยตนเอง ส่งผลให้เมืองรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการจราจรหรือมลภาวะ ทั้งยังสามารถสื่อสารกันเพื่อบริหารจัดการสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ได้ - Agents and Algorithms
มนุษย์จะได้รับการดูแลจาก “ระบบปฏิบัติการเพื่อการดำรงชีวิต (Operating System of Living)” ที่เป็นของตัวเอง ที่สามารถคาดเดาถึงความต้องการของเราและให้การสนับสนุนภาระกิจต่างๆ ในแต่ละวันได้แบบเชิงรุก อาจกล่าวได้ว่ามนุษย์จะมีผู้ช่วนส่วนตัวในอนาคตที่จะทำให้มีเวลาว่างไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น
- Robot with Social Lives
หุ่นยนต์จะกลายมาเป็นหุ้นส่วนในชีวิตของมนุษย์ ช่วยเพิ่มทักษะและขยายขีดความสามารถด้านต่างๆ ทั้งยังแบ่งปันความรู้ใหม่ที่ได้รับไปยัง Social Robot Network เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมและความก้าวหน้าแบบเรียลไทม์ ตลาดไอทีน่าศึกษามาก ดูข้อมูลจากหลายๆแหล่ง